การแก้ปัญหา SoftWare
แก้ปัญหา LAN ขึ้นเครื่องหมายตกใจ!ไม่สามารถเข้า Internet ได้ บน Windows 7
ปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อเจอกับตัวเองแล้วสามารถแก้ไขปัญหาได้แล้ว ก็อยากแบ่งปันให้คนอื่นที่อาจจะเจอปัญหานี้อีก เลยขอพื้นที่โพสนี้ลงรายละเอียดและวิธีการแก้ไขปัญหา “ใช้คอมฯเข้าอินเตอร์เน็ตไม่ได้” ขอบอกก่อนว่าปัญหานี้จะพบเจอกับผู้ใช้ Windows 7 และบางคนก็หาทางแก้มาหลายวิธีแล้วก็ไม่หาย(ผมเองก็หามาหลายวิธีเหมือนกัน เจ็บมาเยอะ) จนได้มาพบกับการแก้ปัญหาที่มีขั้นตอนที่น้อยและง่ายมากในกรณีของผม ผมมั่นใจ 100 % ว่าสัญญาณอินเตอร์เน็ตปกติ เพราะผมก็ใช้ iPhone Connect Wireless ได้ไม่มีปัญหา แต่เปิด PC กับใช้งานอินเตอร์เน็ตไม่ได้ โดย LAN icon ตรง system tray ขึ้นเป็นเครื่องหมายตกใจสีเหลือง ตอนแรกก็งงเลย Disable LAN Network แล้ว Enable บางทีก็ใช้ได้บางทีก็ไม่ได้ หรือบางทีผมก็ลบ Driver LAN แล้วติดตั้งใหม่ ทำแบบนี้เรื่อยๆทุกครั้งที่ผมรีสตาร์ท หรือเปิดเครื่องใหม่ ก็รู้สึกว่าทำไมมันไม่หายซะที เบื่อโว้ยยย!!ผมก็ลองเข้าไปดูใน Network and Sharing Center ก็เจอในส่วนของ View your active networks มี network ที่ active อยู่ถึง 2 ตัว มายังไงสองตัวว่ะครับ จากการหาวิธีแก้ไขมาหลายๆอย่างมาจบที่วิธีดังต่อไปนี้ ลองทำตามดูน่ะครับ- ไปที่ Start Menu- พิมพ์ msconfig ในช่องค้นหา (Search box) แล้วกดปุ่ม enter
- คลิกเลือกที่ tab Services
- เอาเครื่องหมายถูกออกหน้า Service ที่ชื่อว่า ##Id_String1.6844f930_1628_4223_b5cc_5bb94b879762##

สำหรับผู้ที่มีปัญหาบน Window 7 ด้วยการแก้ปัญหาง่ายๆ สำหรับปัญหา (0xc0000005)
คือเวลาที่ ลบโปรแกรม หรือ ลงโปรแกรม อะไรในเครื่องแล้วเกิด พอรีสตาร์ทเครื่องขึ้นมาแล้ว ไม่สามารถ เปิดโปรแกรมต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็น Internet Explorer,Google Chrome, Firefox,Skype....etc โดยเมื่อรันโปรแกรมขึ้นมาแล้วมันจะขึ้นป็อปอัพ "Application error"
ทิปคอมพิวเตอร์
หลายท่านที่ใช้งานอินเตอร์เน็ตบน "คอมพิวเตอร์" ไม่ว่าจะเป็นเครื่อง PC หรือ Notebook เจอปัญหาเข้าใช้งานอินเตอร์เน็ตไม่ได้ โดยมีอาการ Error คือ
คือเวลาที่ ลบโปรแกรม หรือ ลงโปรแกรม อะไรในเครื่องแล้วเกิด พอรีสตาร์ทเครื่องขึ้นมาแล้ว ไม่สามารถ เปิดโปรแกรมต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็น Internet Explorer,Google Chrome, Firefox,Skype....etc โดยเมื่อรันโปรแกรมขึ้นมาแล้วมันจะขึ้นป็อปอัพ "Application error"
by " The application was unable to start correctly (0xc0000005). Click to close the application. "
ขอแจ้งว่าถ้าเจอแบบนี้ไม่ต้องตกใจนะครับ มันไม่ได้ติดไวรัส หรือ โปรแกรมเสียหรืออะไร สามารถแก้ไขได้ภายในเวลาเพียง 5 นาที โดยไม่จำเป็นต้อง ลบโปรแกรมเก่าทิ้ง แล้วลงใหม่ (เพราะไม่ได้ช่วยอะไร) หรือแก้ปัญหาด้วยการลงวินโดว์ใหม่ก็ได้ หรือแม้แต่ยกเคสทั้งตัวไปหาหมอคอมให้เสียเงินกันฟรีๆ
จริงๆแล้ว ปัญหามันเกิดจากการที่เครื่องเราเผลอไปอัพเดต patch ของวินโดว์โดยที่เราไม่รู้เรื่องหรือตั้งใจ โดยชื่อของมันคือ KB2882822, KB2859537, KB2872339 (เท่าที่พบข้อมูลเบื้องต้นมีเท่านี้ หมายความว่าอาจจะมีมากกว่านี้)
คือถ้ามีตัวนี้อยู่ในคอมของเรา ก็จะพบปัญหา (0xc0000005) นั่นแหละ
วิธีแก้ก็แค่ เข้าไปที่ Control Panel > Programs and Features แล้วก็เลือกไปที่ View installed updates ที่แถบทางด้านซ้ายมือ แล้วก็หาดูคอมลัมน์ Name มันมีเรียงเป็นแถวลงมา หาบรรทัดที่มันเขียนว่า
Update for Microsoft Windows (KB2882822)
Update for Microsoft Windows (KB2859537)
Update for Microsoft Windows (KB2872339)
Update for Microsoft Windows (KB2882822)
Update for Microsoft Windows (KB2859537)
Update for Microsoft Windows (KB2872339)
ถ้าเจอตัวใดตัวหนึ่ง ก็ คลิ๊กแล้วกด Uninstall Program ได้เลย หรือถ้ามีทั้งสามตัว ก็กด Uninstall Program ให้หมดทีละตัว ถ้าลบไปแล้ว 1 ตัว แล้วมีหน้าต่างเด้งขึ้นมาถามว่า Restart Now , Restart later ให้เลือก Restart Later ไปจนลบเสร็จแล้วเราค่อยกดรีสตาร์เครื่องเองทีหลังนะครับ
เพิ่มเติมจากนั้น คือ ให้ดู วันที่ ของแต่ละรายการอัพเดต แล้วเลือกลบเฉพาะ อันไหนที่มันเป็นวันปัจจุบันหรือวันล่าสุดที่มีการอัพเดตไม่นานที่ผ่านมา
โดยการ Control Panel > Programs and Features แล้วก็เลือกไปที่ View installed updates ที่แถบทางด้านซ้ายมือ แล้วต่อด้วยคลิ๊กขวา ที่พื้นที่ว่างๆ ในหน้าเดียวกันนี้แหละ แล้วก็เลือก View > Detail แค่นี้แล้วมันก็จะโชว์รายละเอียดของแต่ละรายการอัพเดตครับ
ต่อด้วยหลังจากลบเสร็จแล้วรีสตาร์ทเครื่องขึ้นมาใหม่ทีนึง ก็ลองเข้าโปรแกรมดู ถ้าเข้าได้ปกติ ไม่มีปัญหาอะไร เท่านี้ก็เรียบร้อบครับ
3. Windows 7 Black Screen แก้ปัญหาอาการจอมืดของวินโดว์ 7
ผู้ ใช้คอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 7 หรือ Windows Server 2008 R2 อาจจะประสบกับปัญหาเกิดจอดำ (Black screen) หลังจากสกรีนเซฟเวอร์ทำงาน โดยไมโครซอฟท์ได้ออกมายืนยันปัญหาดังกล่าวนี้แล้วพร้อมชี้แจงรายละเอียดว่า ปัญหานี้จะเกิดขึ้นในกรณีมีเงื่อนไขดังนี้
กรณีที่ 1
- บนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows 7 หรือ Windows Server 2008 R2 และเปิดใช้งานสกรีนเซฟเวอร์
- เปิดใช้งานอ็อปชัน On resume, display logon screen ของสกรีนเซฟเวอร์
- มีการตั้งเวลาอ็อปชัน Turn off the display และ Put the computer to sleep ของ Power Options เท่ากัน และเวลาที่ตั้งนั้นนานกว่าเวลาที่ตั้งให้สกรีนเซฟเวอร์ทำงาน
- เมื่อผ่านค่าเวลาสำหรับ Turn off the display ทำให้จอภาพปิดตัวเองโดยอัตโนมัติ
- บนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows 7 หรือ Windows Server 2008 R2 และเปิดใช้งานสกรีนเซฟเวอร์
- เปิดใช้งานอ็อปชัน On resume, display logon screen ของสกรีนเซฟเวอร์
- มีการตั้งเวลาอ็อปชัน Turn off the display และ Put the computer to sleep ของ Power Options เท่ากัน และเวลาที่ตั้งนั้นนานกว่าเวลาที่ตั้งให้สกรีนเซฟเวอร์ทำงาน
- เมื่อผ่านค่าเวลาสำหรับ Turn off the display ทำให้จอภาพปิดตัวเองโดยอัตโนมัติ
กรณีที่ 2
- บนเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาที่ใช้ Windows 7 หรือ Windows Server 2008 R2 และเปิดใช้งานสกรีนเซฟเวอร์
- มีการเปิดใช้งานอ็อปชัน On resume, display logon screen ของสกรีนเซฟเวอร์
- หลังจากสกรีนเซฟเวอร์ทำงานผู้ใช้ทำการปิดหน้าจอเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา
- บนเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาที่ใช้ Windows 7 หรือ Windows Server 2008 R2 และเปิดใช้งานสกรีนเซฟเวอร์
- มีการเปิดใช้งานอ็อปชัน On resume, display logon screen ของสกรีนเซฟเวอร์
- หลังจากสกรีนเซฟเวอร์ทำงานผู้ใช้ทำการปิดหน้าจอเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา
ใน ทั้ง 2 กรณีคอมพิวเตอร์จะยังคงรันอยู่ แต่จะไม่สามารถทำการเปิดหน้าจอโดยใช้คีย์บอร์ดได้ และอาจจะไม่สามารถเปิดหน้าจอได้จนกว่าจะทำการบังคับรีสตาร์ทเครื่อง คอมพิวเตอร์
หมายเหตุ: เมื่อ ทำการตั้งเวลาอ็อปชัน Turn off the display น้อยกว่า 10 นาที ค่า Turn off the display option automatically จะเปลี่ยนเป็นค่าที่ทำให้คอมพิวเตอร์สลีป (Sleep)
สาเหตุ:
ปัญหาดังกล่าวนี้เกิดจากการทำงานที่ไม่สัมพันธ์กันระหว่างเธรดของ CSRSS และของ WinLogon
ปัญหาดังกล่าวนี้เกิดจากการทำงานที่ไม่สัมพันธ์กันระหว่างเธรดของ CSRSS และของ WinLogon
วิธีการแก้ไข:
ไมโครซอฟท์ ออกฮอตฟิกซ์เพื่อให้ผู้ใช้ Windows 7 หรือ Windows Server 2008 R2 ที่ประสบปัญหาตามที่อธิบายด้านบนใช้แก้ปัญหาแล้ว โดยสามารถดาวน์โหลดได้ที่ Hotfix (KB976427)อย่าง ไรก็ตาม ไมโครซอฟท์ได้แนะนำให้ผู้ใช้ทำการติดตั้งฮ็อตฟิกซ์ตัวนี้เฉพาะบนเครื่อง คอมพิวเตอร์ที่มีปัญหาตามที่อธิบายด้านบนเท่านั้น เนื่องจากฮ็อตฟิกซ์นี้ยังต้องทดสอบการทำงานเพิ่มเติมและจะรวมอยู่ในเซอร์วิ สแพ็ค (Service Pack) ที่จะออกในอนาคต
ไมโครซอฟท์ ออกฮอตฟิกซ์เพื่อให้ผู้ใช้ Windows 7 หรือ Windows Server 2008 R2 ที่ประสบปัญหาตามที่อธิบายด้านบนใช้แก้ปัญหาแล้ว โดยสามารถดาวน์โหลดได้ที่ Hotfix (KB976427)อย่าง ไรก็ตาม ไมโครซอฟท์ได้แนะนำให้ผู้ใช้ทำการติดตั้งฮ็อตฟิกซ์ตัวนี้เฉพาะบนเครื่อง คอมพิวเตอร์ที่มีปัญหาตามที่อธิบายด้านบนเท่านั้น เนื่องจากฮ็อตฟิกซ์นี้ยังต้องทดสอบการทำงานเพิ่มเติมและจะรวมอยู่ในเซอร์วิ สแพ็ค (Service Pack) ที่จะออกในอนาคต
แต่การแก้ไขปัญหาจะไม่สามารถทำได้เลย หาก Computer ไม่สามารถเข้าใช้งานวินโดว์ได้ เพราะฉะนั้นการแก้ไขต้องใช้วิธีการดังต่อไปนี้ครับ
หากยังเปิดหน้าต่าง Windows Task Manager ได้ตามปกติ
- ให้ทำการรีสตาร์ทเครื่อง
- ล๊อคอินเข้าใช้งานวินโดว์ รอให้ขึ้นหน้าจอ Black screen
- ตรวจเช็คให้แน่ใจว่าได้ทำการต่ออินเตอร์เน็ตอยู่
- กด Ctrl-Alt-Del
- เลือกที่ Stat Task Manager
- คลิกที่แท็ป Applications
- เลือก New Task
- พิมพ์ ” C:\program Files\internet Explorer\iexplore.exe” และเข้าไปดาวน์โหลดตัวแก้ไขที่ http://info.prevx.com/download.asp?GRAB=BLACKSCREENFIX
- โหลดโปรแกรมฟิก Black Screen แล้วทำการรันโปรแกรมฟิกได้เลย
- หลังจากรันโปรแกรมเสร็จเรียบร้อยให้ทำการรีสตาร์ทเครื่อง ก็จะสามารถเข้าใช้งาน วินโดว์ ได้ปกติ
แต่ถ้าเครื่องติดไวรัส และไม่สามารถเปิดหน้าต่าง Task Manager ได้ละ ??
- ให้ทำการรีสตาร์ทเครื่อง
- กด F8 เพื่อเข้าหน้าต่าง Windows Advanced Option Menu
- เลือก Safe Mode With Command Prompt
- ที่หน้าต่าง Command พิมพ์ explore.exe
- จะสามารถเข้าใช้งานหน้าต่าง Explore ได้ หลังจากนั้นก็ทำการกำจัดไวรัสที่บล๊อคไม่ให้เข้าใช้งานในส่วนของ Task Manager Download ที่นี่
- แก้ไวรัสเสร็จแล้วต่อจากนี้ก็สามารถใช้วิธีการแบบแรกได้เลยครับ
หมายเหตุ อีกวิธีหนึ่งที่สามารถแก้ไขได้คือการอัพเดท Windows 7 Service Pack 1 จะสามารถแก้ไข Windows 7 Black Screen ได้เช่นกัน
4. การแก้ปัญหา out of memory
ตัวแปรที่ช่วยในการลดข้อผิดพลาด Out of Memory หรือ ปัญหาหน่วยความจำไม่เพียงพอในการทำ Assembliesที่มีขนาดใหญ่หรือการเปิดไฟล์งานที่มีขนาดใหญ่
ไปที่ Properties ของ My Computer ---> Advance ---> Environment Variables ไปที่ System
variables เลือก New
กำหนดค่าดังนี้
Variable name : UGII_CLOSE_UNDO_MODE
Variable Value : CHECK
.
.
ในส่วนของโปรแกรม NX จะมีการเก็บ UNDO ไว้ในหน่วยความจำการปิด UNDO จะช่วยให้เหลือพื้นที่ใน
Memory เพื่อลดปัญหาในการเกิด Out of Memory ขึ้นได้
5. แก้ปัญหา Network Error (tcp_error)
Solve a problem the computer
แก้ปัญหา Network Error (tcp_error)
![]() |
"ทิปคอมพิวเตอร์ " |
Network Error (tcp_error) ให้แก้ปัญหาดังนี้ครับ
1.ให้เข้าไปที่ปุ่ม Start -> settings -> Control Panel -> Network Connections
2.ให้ Click ขวา เลือก properties
3.เอา QOS Packet Scheduler ออก
Reboot เครื่องใหม่ ใช้ได้ตามเดิม